METAVERSE โลกใบใหม่ที่เราอาจต้องย้ายเข้าไปอยู่

โดย Admin T
 วันที่ 25 พ.ย. 2564 เวลา 16:20 น.
 2654

สรุปบทความ FTC Channel

METAVERSE โลกใบใหม่ที่เราอาจต้องย้ายเข้าไปอยู่

 

เช้าวันเสาร์แบบนี้ FTC Channel ชวนเพื่อนๆ มาพูดคุยกันในประเด็นแห่งอนาคตสุดล้ำ ในหัวข้อ “METAVERSE โลกใบใหม่ที่เราอาจต้องย้ายเข้าไปอยู่” จากผู้รอบรู้ด้านการเงินอย่าง นพ.วัชรา ทรัพย์สุวรรณ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ FTC คุณภุชงค์ วัชรปิยานันทน์ รองประธานกรรมการด้านเทคโนโลยี FTC คุณนิพิฐพนธ์ ภูริชบุญทรัพย์ ที่ปรึกษา FTC และนักสร้างแบรนด์มืออาชีพ ดำเนินรายการโดย คุณสุวิทย์ พูลสุขเลิศ ประธานคณะกรรมการศึกษา FTC และคุณสุพัตรา ทองนวล เจ้าหน้าที่ FTC สำนักบริการสงขลา ร่วมเจาะลึกประเด็นล้ำๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่โลกเสมือนใบใหม่ในอนาคต

 

ช่วงแรก เตรียมรับมือกับโลกเสมือนใบใหม่  โดย นพ.วัชรา

วันนี้เป็นเรื่องที่เราควรติดตาม ผมว่าโลกเรากำลังเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก วันที่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แถลงข่าวเรื่องการทำ METAVERSE ผมก็มีโอกาสได้เปิดฟังอยู่ด้วย ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง และรู้สึกว่าถ้าไม่จำเป็นเราไม่ควรรีบตาย  เพราะโลกนี้ยังมีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงอีกเยอะมาก ซึ่งหลังจากที่เราคุยกันวันนี้ ควรจะมีเวลามานั่งหารือกันว่า แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจาก METAVERSE และจะมีโมเดลธุรกิจอะไรที่มารองรับใน METAVERSE    แต่ที่สำคัญคือเราต้องรู้ว่าเราจะประยุกต์ได้อย่างไร

 

คุณสุวิทย์ กล่าวเกริ่นนำว่า METAVERSE คือจักรวาลอีกขั้นที่เหนือกว่า มีความหมายลึกซึ้งมาก และสะท้อนสิ่งที่เฟสบุคกำลังคิด เพราะใช้ชื่อ META มาเป็นชื่อบริษัท นี่เป็นอินโทรสั้นๆ ก่อนที่เราจะมาเรียนรู้ร่วมกันเกี่ยวกับ METAVERSE

 

ช่วงที่ 2 รู้จัก METAVERSE โดย คุณสุท นิพิฐพนธ์

METAVERSE คำๆ นี้เราฟังแล้วอาจมีความรู้สึกว่าเกี่ยวข้องอะไรกับเรารึเปล่า หรือเป็นเรื่องใหม่โดยสิ้นเชิงที่ไม่เคยผ่านหูผ่านตาเราเลยรึเปล่า แต่จริงๆแล้ว ถ้าเป็นคอหนังจะเข้าใจดี หากดูภาพยนตร์ Sci-Fi มีตัวละครใส่แว่นบางอย่างแล้วมองเห็นอีกมิติหนึ่ง  นี่คือ METAVERSE หรือหนังแอนิเมชั่นหลายเรื่องก็ใช้คอนเซปท์เหล่านี้ ที่มีการใส่แว่นแล้วให้เราไปอยู่ในอีกโลกเสมือนจริง 

สรุปง่ายๆ แท้จริงแล้ว METAVERSE เป็นเรื่องที่อยู่ในบริบทรอบข้างเราอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้สึกว่าเกี่ยวข้องอะไรกับเราโดยตรงทันที แต่ตอนนี้ในอนาคตอันใกล้ เชื่อว่าในระยะเวลาเป็นหลักเดือน METAVERSE จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรรม เรื่องของสินค้าอุปโภคบริโภคและอุปสงค์อุปทานของเราไปตลอดกาล   

 

คุณโป้ง ภุชงค์ กล่าวว่า เรามารู้คอนเซปท์ของ METAVERSE กัน คำนี้มาจากคำว่า Meta รากศัพท์เป็นภาษากรีก แปลว่า อภิมหา ยิ่งใหญ่ หรือขั้นกว่า และคำว่า Verse มาจากคำว่า Universe แปลว่าจักรวาล รวมแล้วเป็นคำว่า METAVERSE ความหมายคือจักรวาลที่เหนือกว่า เราอยู่ในจักรวาลหนึ่งที่เรียกว่าจักรวาลทางช้างเผือก เค้าคิดว่าเราไม่ได้อยู่แค่ในจักรวาลที่เราเห็นเท่านั้น แต่ยังมีจักรวาลเสมือน เป็นจักรวาลที่ทับซ้อนโลกที่เราอยู่ ขอเรียกว่าเป็นจักรวาลดิจิตอล เหมือนที่ในหนังมีการใส่แว่นแล้วเราก็หลุดเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่ง แต่เทคโนโลยี METAVERSE มันจะล้ำกว่านั้นอีก ลองจินตนาการว่าวันนี้เราอยู่ที่บ้าน แต่เรามีการประชุมในโลกจริงและโลกเสมือน ซึ่งบางคนก็นำตัวอวตาร์(AVATAR) ของเราไปโผล่ในห้องประชุม คนในห้องประชุมจะเห็นตัวผมในโลกเสมือน ทั้งที่ตัวผมจริงๆ อยู่ที่บ้าน รวมไปถึง METAVERSE จะไปเปลี่ยนการชอปปิ้ง การทำธุรกิจธุรกรรมในชีวิตประจำวัน  

สมมติว่าผมเปิดร้านค้าหนึ่งร้าน ถ้าเราขายในออนไลน์ คนจะเห็นแค่รูปถ่ายของสินค้าที่เราโพสลงในเว็บในเฟสบุค แต่ถ้าเป็น METAVERSE ผมก็มีร้านค้าและมีสินค้าจริงๆ แต่มันเชื่อมต่อกับโลก METAVERSE คนที่อยากมาซื้อ สามารถเสมือนเข้ามาในร้านของผม เดินรอบร้านได้ หยิบจับสินค้าจริงในโลกเสมือนได้ เราสามารถคุยกันและเดโมสินค้าได้ หรือหากเราทำธุรกิจแอมเวย์ในโลก METAVERSE เราสามารถเดินผ่านโลกออนไลน์เข้าไปในบ้านของผู้คนและสาธิต eSpring ให้ดูได้ หรือเพื่อนของเราเข้ามาในบ้านของเรา มาฟังแผนการตลาดที่บ้านของเรา หรือมาดูเครื่องใช้เครื่องกรองนำ้เครื่องกรองอากาศที่เราใช้จริงในบ้านของเราได้  ถ้าเราเชื่อมต่อบ้านของเราเข้ากับระบบ METAVERSE นี่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันที่จะเปลี่ยนแปลงไปเลย ถ้าเกิดขึ้นจริงรับรองว่าผู้คนจะใช้กัน เหมือนโทรศัพท์ที่เดิมคนมองว่าแปลกแต่ปัจจุบันทุกคนมี เข้าถึงได้หมด และต่อไปเทคโนโลยี METAVERSE จะเกิดขึ้นจริง เชื่อว่ารูปแบบการสื่อสาร รูปแบบการใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไป   

มีคำสองคำที่เกี่ยวข้องกับ METAVERSE ที่จะพัฒนามาเป็น METAVERSE คือคำว่า AR (Augmented Reality) คำว่า Augmented แปลว่าการเพิ่มเติม ส่วน Reality แปลว่าความจริง เทคโนโลยี AR ลักษณะเป็นแว่นสวมขึ้นไป เหมือนเกม Pokemon Go ที่วัยรุ่นไปเดินจับโปเกม่อนในสถานที่ต่างๆ โดยโหลดโปรแกรมแล้วไปเดินจับ เป็นสถานที่จริงแต่มีการนำโลกดิจิตอลไปผสานโผล่ขึ้นมาเพิ่มเติมที่สถานที่นั้น เช่น ร้านกาแฟร้านนึง ให้โปรแกรมเมอร์ทำโปเกม่อนขึ้นมาแล้วให้คนมาจับโปเกม่อนในร้าน คนก็มาที่ร้านก็มาจับโปเกม่อนกัน มาดื่มกาแฟกัน นี่คือรูปแบบการตลาดที่ปรับใช้กัน 

ผมเคยดูการ์ตูน Dragon Ball Z จะมีเครื่องมือหนึ่งที่สวมใส่ที่ตา เรียกว่าสเคาน์เตอร์ เป็นจอแสดงผลที่เราสามารถมองเห็นว่าคู่ต่อสู้มีพลังเท่าไร หรือในหนังมีการขับรถ แทนที่จะมีการแสดงผลที่คอนโซล กลับแสดงผลที่หน้ากระจกเลย โชว์ว่าความเร็วเท่าไร ข้างหน้ามีตำรวจต่างๆ ซึ่งรถรุ่นใหม่ของ Tesla สามารถแสดงผลในหน้าจอแบบนี้ได้

VR ย่อมาจากคำว่า Virtual Reality คือ โลกเสมือน ต้องมีการใส่แว่นชนิดพิเศษ พอเรามองเข้าไปไม่ได้เห็นโลกในปัจจุบัน แต่กลายเป็นเราเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เป็นโลกดิจิตอลที่เราสร้างขึ้นมา เป็นเทคโนโลยีที่เกมใหม่ๆ นำมาใช้ เวลาเราเล่นเกมขับเครื่องบิน เมื่อเราใส่แว่นนี้เราก็จะรู้สึกเหมือนเราอยู่บนเอากาศตีลังกาไปมา หรือเกมต่อยมวย เกมตีกอล์ฟก็พาเราไปอีกสถานที่นึง พูดง่ายๆ คือ VR นำเราเข้าไปอีกสถานที่หนึ่งเลย 

โลกของ METAVERSE คือการนำ AR + VR รวมเข้าด้วยกัน คือมองไปแล้วเราไม่รู้ว่าเราอยู่ในโลกจริงหรือโลกเสมือน แต่กลายเป็นอีกโลกหนึ่งเลย ที่มนุษย์จริงใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ Avatar ของที่เราใช้ก็ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือของที่สร้างจำลองขึ้นมาในโลกเสมือน ต่อไปเราจะจีบสาว อาจจะใช้อีกหน้านึงออกไป แล้วไม่รู้ว่าตัวจริงรึเปล่า นี่คือลักษณะของเทคโนโลยี METAVERSE 

บางค่ายทำและเรียกใหม่ว่า MR (Mixed Reality) มีปรากฏในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น The Matrix ที่สามารถเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งได้ และเรื่อง Ready Player One ที่ใส่ชุดแล้วเข้าไปอยู่ในโลกของเกม หรือเรื่อง Avatar ที่เข้าไปอยู่ในเครื่องแล้วเข้าไปขับอวาตาร์ นี่คือลักษณะของเทคโนโลยี VR     

 

ช่วงที่ 3 หากโลก METAVERSE เกิดขึ้นจริง โลกจริงและโลกเสมือนแยกกันไม่ออกจะเป็นอย่างไร  

คุณสุท นิพิฐพนธ์ อยากชวนคิดสักนิดว่า หาก ณ ปัจจุบันที่เราอยู่ไม่ใช่โลกจริงๆ แต่ เป็นโลกเสมือนจริงที่เรา METAVERSE ขึ้นมาแล้วนั่งคุยกันอยู่ เราอาจจะมีตัวเราอีกตัวหนึ่งที่เป็นตัวจริงอยู่ในอีกที่หนึ่งใน Universe นี้ก็ได้ แต่เรากำลัง METAVERSE ตัวเองคุยกันอยู่ตอนนี้ ขอถามว่า เราจะรู้สึกอย่างไร?

 

คุณโป้ง กล่าวว่า ไม่แน่ เพราะร่างที่เราอยู่อาจจะใช้ในการเคลื่อนไหว แต่จิตของเรา ตัวจริงของเราอาจจะไปอยู่อีกที่หนึ่งแล้วสั่งร่างนี้ก็ได้ ซึ่งในโลกของจิตวิญญาณอาจเป็นแบบนี้ได้

 

คุณสุท นิพิฐพนธ์ กล่าวว่า น่าสนใจมาก เมื่อครู่ฟังคุณโป้ง ผมคิดว่าเราอาจจะมีหลายๆ ร่างอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ได้ ตอนนี้ผมอาจจะมีอีกร่างหนึ่งกำลังเล่นกีฬาอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้ สำหรับคนที่คิดว่าจะได้มั้ย จะจริงมั้ย ผมอยากพูดถึงตอนที่เฟสบุคไลฟ์ถูกปล่อยออกมาวันแรก คนก็คอยดูคิดว่าจะเกี่ยวกับฉันรึเปล่า แต่แป๊บเดียวเท่านั้นเฟสบุคไลฟ์ เข้ามามีผลกระทบต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตและ Disrupt การดำเนินธุรกิจ เหมือนวันนี้เราก็มีถ่ายทอดทางเฟสบุคไลฟ์ โดยไม่ต้องซื้อรถตู้ที่มีดาวเทียมอยู่ข้างบนแล้ว

METAVERSE จะเข้ามามีบทบาทเหมือนกันแต่จะเป็นเวอร์ชั่นที่ advance กว่ามาก ผมคาดการณ์ได้เลยว่ารูปแบบการทำธุรกิจ รูปแบบการเงิน  แม้กระทั่งสินทรัพย์ ในโลกเสมือนจริงจะถูกสร้างขึ้นมาเพิ่มอีกชั้นหนึ่งแน่นอน อย่างเช่น หากผมอยากมีประสบการณ์เล่นกีฬากับเพื่อนปกติก็เข้าแค่ METAVERSE แบบเบสิค แต่ถ้าอยากได้ประสบการณ์ที่พรีเมี่ยมเสียงเหมือนจริงกว่า ผมอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อจะเข้าไปในสเปซที่พรีเมียมขึ้น ที่สมจริงกว่า เหมือนการซื้อแอปพลิเคชั่นต่างๆ เพิ่ม เพื่อจะเข้าไปใช้บริการและเข้าถึงความรู้สึกประสบการณ์ที่พรีเมียมขึ้น สินทรัพย์เหล่านี้จะเกิดขึ้นทับซ้อนกับโลกเสมือนอีกชั้นหนึ่ง

ในเรื่องของที่ดิน ที่มีคนอยากจะไปจับจองเก็งกำไรที่ดินใน METAVERSE เป็นไปได้มากๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น แต่จะถูกจัดสรรใหม่ อาจเป็นโลกแนวตั้งที่ขนานกับโลกจริง แต่ไม่ใช้แกนราบแล้ว  น่าสนุกมากๆ 

ในเรื่องการเงินน่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องอันดับแรก  เพราะในโลกเสมือนก็มีการใช้จ่าย คงต้องใช้เงินดิจิตอล ดังนั้น เรื่องของการเงินจะมีเข้ามาก่อน เรื่องคริปโต และ NFT และเงินที่เป็นกายภาพน่าจะถูก Disrupt มากๆ 

เมื่อทุกคนเข้าไปอยู่ใน METAVERSE จริงๆ จะไม่มีพรมแดนอีกต่อไป ไม่มีเส้นเขตแดน ทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมด สิ่งที่แทนมูลค่าต่างๆ จึงต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นจะเกิดอะไรที่น่าตื่นเต้นขึ้นมาอีก 

 

ช่วงที่ 4 เตรียมการอย่างไรเพื่อพร้อมเข้าสู่โลก METAVERSE 

คุณสุท นิพิฐพนธ์ กล่าวว่า หากมองว่าเราอยู่ในสเปซของการทำธุรกิจแบบนี้ เราไม่ตกขบวนแน่นอน  ปีที่แล้วเราถูก Disrupt ในเรื่องการทำงานเป็นออนไลน์ โลกจะทำให้เราปรับตัว เมื่อโลกเปลี่ยนเพราะมีสิ่งที่ดีกว่า เราจะเรียนรู้เรื่องแบบนี้ไปพร้อมๆ กัน

มีการจัดอันดับประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษแย่ที่สุด คือประเทศไทย อยู่อันดับร้อย ดังนั้นเราต้องพัฒนาทักษะตรงนี้ต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ การสื่อสารได้เองย่อมดีกว่าผ่านเครื่องมือแปลภาษาอยู่แล้ว เพราะโลกจะเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเป็น Universal แล้ว ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ 

 

คุณโป้ง ภุชงค์  กล่าวว่า เราต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่แล้ว ถ้าเราไม่เรียนรู้ ไม่มองไปข้างหน้า ชีวิตเราก็จะเป็นเพียงผู้ตาม เราจะเสียโอกาส การที่ FTC ให้โอกาสเรียนรู้แบบนี้ อัพเดทความรู้กันทุกสัปดาห์เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะเราเป็นสหกรณ์ที่ให้ความรู้ ถือเป็นนวัตกรรมที่ดีมากๆ ก็สอดคล้องกับสมาชิกของเราที่เป็นคนทำธุรกิจกับผู้คน เราไม่รู้ว่าจะไปเจอใครบ้าง การได้อัพเดทความรู้ตัวเองตลอดเวลาแบบนี้เป็นการสร้างภาพลักษณ์โปรไฟล์ สร้างศักยภาพในการแข่งขัน และความรู้ที่เรามีสามารถสร้างเครดิตให้ตัวเองได้ดีมาก 

FTC ของเรามีสมาชิกอยู่ทั่วประเทศ การที่เรามาศึกษาเรื่องเทคโนโลยีเหล่านี้ เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ยิ่งเราเข้าใจเรื่อง METAVERSE รวมถึงกรรมการและเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเราต้องสื่อสารไปยังสมาชิกทั่วประเทศ ยิ่งหากเราใช้เทคโนโลยีได้ดีจะเป็นการทุ่นเวลา ทุ่นกำลังทรัพย์ได้มากและสามารถสื่อสารไปยังสมาชิกทุกคนได้ อย่าคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว เพราะหลายบริษัทก็เริ่มมองสิ่งนี้แล้ว สิ่งที่จะพ่วงมาด้วยกันคือเรื่องการจัดส่งสินค้า ในธุรกิจแอมเวย์ บริษัทแอมเวย์ก็พยายามพัฒนาเรื่องการจัดส่งสินค้าให้รวดเร็วขึ้น เช่น ถ้าผมซื้อส้มจำลองในตลาดของโลก METAVERSE พอซื้อเรียบร้อย แป๊บเดียวก็จะมีส้มจริงส่งมาที่บ้านผม คือต้องพ่วงกับเทคโนโลยีอื่นๆ ส่วนเรื่อง VR AR ต่างๆ ที่คนมองว่าลำบาก ไม่ได้สวมใส่ในชีวิตประจำวัน ผมว่ามันมาเร็วกว่าที่เราคิดไว้มาก 

ล่าสุด Facebook หรือ META ใหม่ บริษัท Facebook ที่เป็นเบอร์หนึ่งของโซเชียลเน็ตเวิร์คในโลก ที่มีสมาชิกผู้ใช้ถึงสองพันล้านหรือราวครึ่งโลก Facebook ยอมเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นลูกของบริษัท META แสดงว่าเขารู้ว่า โลกของ METAVERSE จะเป็นเรื่องที่มาเปลี่ยนอนาคตของโลกโดยแท้จริง  และแสดงถึงว่าบริษัทจะไม่ได้พัฒนาแค่โซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเดียว ต่อไปจะเป็นบริษัทชั้นนำในเรื่องของการพัฒนา METAVERSE ดังนั้นคนที่มีนวัตกรรรมสูงระดับต้นๆ ของโลกมาโฟกัสเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องสงสัยว่าโลกมาทิศทางนี้แน่

เรื่องนวัตกรรรมกล้อง ทาง  META  ได้ร่วมมือกับ Ray-Ban พัฒนานวัตกรรมคอมพิวเตอร์จากเครื่องใหญ่ให้มีขนาดเล็กลงและสามารถเข้าไปอยู่ในขาแว่น Ray-Ban ได้ พอนวัตกรรมนี้ออกมาโฆษณาแบบนี้แสดงว่าเขาทำได้แล้ว พออุปกรณ์ IT มีขนาดเล็กแล้วก็จะไม่มีอุปกรณ์อะไรที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต ในอนาคตเป็นยุค IOT ที่อุปกรณ์เครื่องใช้ทุกอย่างเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้หมด ดังนั้น METAVERSE เกิดแน่นอน ในอนาคตเราสามารถใส่แว่นเดินไปไหนมาไหนได้  หรือต่อไปจากแว่นตา อาจพัฒนาไปอยู่ในคอนแทคเลนส์ นี่คือยุคถัดไปของ METAVERSE 

เรื่องทางการแพทย์ ในอนาคตหมออาจจะอยู่บ้านแล้วผ่าตัดได้ เพราะเราสามารถอวตารตัวเองไปอยู่ที่ไหนก็ได้ โดยมีเครื่องมือที่ปัจจุบันมีการพัฒนากำไล ที่สามารถจับการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อได้ และสามารถส่งสัญญาณไปยังปลายทางให้ขยับตามได้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วมากภายใน 3-5 ปีนี้ 

ในฐานะที่เราเป็นผู้ทำธุรกิจเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจ พูดคุยกับคนเก่งๆ เราจะได้เข้าใจ อย่างการจะซื้อโทรศัพท์ ถ้ายังไม่กระทบการทำธุรกิจมากเราอาจยังไม่ต้องซื้อ เพราะในโลก METAVERSE จะมีสินทรัพย์ในโลกเสมือนที่คนอาจให้ความนิยมมากกว่า เราสามารถซื้อนวัตกรรมและใช้ในโลกเสมือนได้ เช่น iPhone15 แว่นตาก็ใช้โทรได้ หรือเป็นอะไรที่เสียบไว้ในฟันแล้วพูดได้ เราเป็นมนุษย์ เราอยากมีทรัพย์สินเพื่อความมั่นคงและอยากมีไว้อวดโชว์ การที่เกมออนไลน์เกิดขึ้น ที่คนต้องซื้อของเติมและอวดกันเพราะคนอยากมีภาพความสำเร็จอยากมีเครดิตให้คนเห็น ดังนั้นการจะไปจองทรัพย์สินแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ 

ส่วนตัวผมมองว่า เราต้องใช้ชีวิตในโลกออฟไลน์ให้เก่งด้วย ต้องทำอาหารเป็น ล้างรถเป็น มีช่องทางการสร้างธุรกิจของตัวเองเป็นด้วย  การที่เราเอาตัวเองเข้าไปฝังในโลกเสมือนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าระบบมีปัญหาแล้วเราทำอะไรไม่เป็น เราจะกลายเป็นคนยุคหินทันที ดังนั้นการที่เรามีทรัพย์สินจริง มีที่ดินจริงๆ หากเกิดอะไรขึ้นมา เรายังมีที่อยู่มีที่ทำกิน เป็นเรื่องที่เราต้องพัฒนาตัวเองไปควบคู่กัน 

 

ช่วงที่ 5 โลกของจิตที่อยู่เหนือ METAVERSE โดย นพ.วัชรา

จริงๆ โลกที่เราอยู่ เราไม่รู้ว่าอะไรจริงหรือปลอมมานานแล้ว เป็นพันปีมาแล้วที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นจริง การที่เราเห็นเป็นสัตว์ เป็นบุคคลเกิดจากสรรพสิ่งที่มีเหตุปัจจัยมารวมกัน 

นักปราชญ์ชาวจีนชื่อ เมิ่งจื่อ เป็นลูกศิษย์ของเหลาจื่อ เคยกล่าวว่า ในตอนกลางคืนข้าพเจ้ามักจะฝันว่าข้าพเจ้าเป็นผีเสื้อ ที่ตอนกลางวันมันฝันว่าเป็นเมิ่งจื่อ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าข้าพเจ้าเป็นเมิ่งจื่อที่ฝันว่าเป็นผีเสื้อ หรือผีเสื้อที่ฝันว่าเป็นเมิ่งจื่อกันแน่ นี่คือความลึกล้ำทางปัญญา

ในทางกายภาพ ตอนผมอายุ 32 เคยไปดิสนีย์แลนด์กับบริษัทแอมเวย์ครั้งแรก ไปยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ มีเครื่องเล่นต่างๆ ผมไปดูหนัง 5 มิติ เช่น เราขับยานเข้าไปในอวกาศเจออุกาบาตชน ตัวเราก็สั่นเหมือนถูกกระแทกจริงๆ สมมติมีไฟปิ้งอะไรเราก็ได้กลิ่น ไดโนเสาร์สู้กันแล้วเอาหางฟาดในทะเลเราก็เปียกจริงๆ นี่เป็นความเสมือนจริงที่มีมานานแล้ว 

เมื่อราว 10 ปีที่แล้วผมไปฉลองครบรอบ 50 ปีแอมเวย์ ตอนนั้น เจย์ แวนแอนเดล เพิ่งเสียชีวิตไปสักปีสองปี แต่ทางบริษัทเชิญ เจย์ แวนแอนเดล  เดินขึ้นมาบนเวทีมายืนพูดบนโพเดี่ยม ท่าทางและเสียงก็เป็นเสียงของเจย์จริงๆ เทคโนโลยีนี้คือ Hologram ซึ่งวันนี้เราพยายามทำให้ความเสมือนจริงกับความเป็นจริงแยกกันไม่ออกมากขึ้น อย่างการใช้เงิน ปัจจุบันเราไม่ได้ใช้เงินจริงๆ เราเพียงแค่โอนกันไปกันมาเป็นตัวเลขเท่านั้น

วันหนึ่งผมไปร่วมกิจกรรมมูลนิธิแอมเวย์เพื่อสังคมไทยที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ไปเที่ยวตลาดชายแดน คุณกิจธวัช บอกผมว่าไม่ได้พกเงินมาเลย ผมบอกไปว่า คุณเชื่อผมเถอะว่าพ่อค้าแม่ค้าเขาใช้แอปพลิเคชั่น คุณโอนเงินได้ไม่ต้องกังวล เราเดินไปเจองาช้างคู่หนึ่งสูงราวหนึ่งฟุต ราคา 30,000 คุณกิจธวัชอยากได้มาก แต่ไม่รู้ว่าจริงไม่จริง ผมบอกคุณก็ซื้อแล้วคุณก็ภาวนาให้มันเป็นของจริงสิ เพราะคุณไม่รู้ว่าจริงไม่จริง เมื่อมันไม่จริงแต่คุณคิดว่ามันจริงมันก็คือจริง ถ้าคุณเชื่อว่าเป็นของจริงแล้วเอาไปตั้งไว้ที่บ้าน คุณก็มีความสุข คุณกิจธวัช บอกว่าแต่ถ้าผมขึ้นเครื่องบินแล้วถูกจับได้ล่ะ   ผมบอกว่า คุณก็ภาวนาให้มันเป็นของปลอมสิ เห็นมั้ยว่าทุกอย่างเป็นเรื่องที่เราให้ค่าขึ้นมาทั้งนั้น แต่มันปะปนเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา เราน่าจะมีประเด็นให้พูดคุยกันต่อว่า เราจะใช้ประโยชน์อะไรจาก METAVERSE

 

คุณสุวิทย์ กล่าวว่า นี่เป็นจุดประสงค์ที่เราจัดรายการวันนี้ขึ้นมา เพื่อคุยกันว่าเราจะใช้ประโยชน์อะไรจากความเปลี่ยนแปลงนี้ เช่นงาน Amway Expo อาจจัดทั้งสองระบบทั้งออฟไลน์ และ METAVERSE ที่เราสามารถเอาตัวอวตาร์ไปเดินชมได้ ผมคิดว่า ในอนาคตเราอาจจะมีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีผ่านระบบ Virtual ได้

 

คุณหมอวัชรา กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องที่แอมเวย์ต้องทำด้วย ผมเคยเสนอที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาบริษัทแอมเวย์ ว่าเราควรมีการจัดประชุมระบบ Virtual เราน่าจะเป็นบริษัทไดเรคเซลล์บริษัทแรกที่สามารถทำได้

    ทุกวันนี้ ผมใช้ชีวิตอยู่ในโลกโดยจินตนาว่าผมอยู่ใน METAVERSE อยู่แล้ว ผมทำใจไว้แบบนี้ว่า ไม่มีอะไรจริงสักอย่างนอกจากความยึดถือของเรา จะรวยจะจนก็แค่กิน  การที่เรามีตำแหน่งอะไร ทุกความสำเร็จมันเป็น METAVERSE อยู่แล้ว ผมไม่ค่อยจริงจังอะไรมาก การที่เราเป็นเพชรในสังคมแอมเวย์ก็ดูดีมาก แต่พอออกไปนอกสังคมแอมเวย์คนอื่นก็ไม่เข้าใจคุณเหมือนกัน เราต้องอยู่อย่างทำใจ 

ผมมองว่า ชีวิตเราก็เหมือนเกมอยู่แล้ว มีกติกาที่เราต้องเล่น ถ้าไม่เล่นเกมเราก็ตาย พอเกิดมาก็เหมือนเราถูกให้เล่นเกมแล้ว ให้เรามาเล่นเป็นคนรวยคนจน  มาเล่นเป็นคนสำเร็จ มาเล่นเป็นคนไม่สำเร็จ พอปิดฉากเราก็ตายเท่านั้น แต่แน่นอนว่าคนที่เล่นบทคนประสบความสำเร็จก็มีความสุขบนเวทีมากกว่า ถ้าคุณเล่นเป็นคนที่ถูกกระทำชอกช้ำ ก็เจ็บปวดตลอดเวลาที่อยู่บนโลกนี้ ผมมองว่าโลกเป็นเวทีละคร ไม่มีอะไรเป็นจริง  

 

ช่วงที่ 6 เราจะใช้ประโยชน์ เรียนรู้ พัฒนาอะไรจากความก้าวหน้าของ METAVERSE

คุณสุท นิพิฐพนธ์ มองว่า เราล้วนอยู่ในโลกนี้อยู่ใน universe นี้ การเรียนรู้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติจำเป็นอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะประยุกต์ใช้อย่างไร เทคโนโลยีจะต้องค่อยๆ เข้ามา อย่างแรกอยากให้เปิดรับโอกาสและชุดความคิดใหม่ๆ ก่อน ไม่ใช่เรื่องของเจนเนอร์เรชั่นใหม่ๆ เท่านั้น เพราะเทคโนโลยีไปเร็วมากเราอาจตามไม่ทัน ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา ส่วนการจะพัฒนาทักษะต้องไปควบคู่กันอยู่แล้ว 

คนที่ทำธุรกิจจะใช้ประโยชน์อย่างไร เราอาจต้องศึกษา เพราะหลังจากที่ METAVERSE ของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ออกมาสองสามวัน บริษัท NIKE ก็เริ่มเข้ามาในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีการลองรองเท้า ที่ไม่ใช่แค่ลองหรือจับสินค้าได้  แต่ต้องรู้ว่าสิ่งของนั้นมีความนุ่มนิ่มแค่ไหน รวมถึงในธุรกิจเราที่ต้องมีการพรีเซนท์สินค้า ทุกธุรกิจต้องมีการแข่งขัน ในธุรกิจแอมเวย์ในอนาคต เราต้องเข้าถึงลูกค้า เราเคยพูดว่ามี Hi-tech ต้องมี Hi-touch ในอนาคต METAVERSE จะเข้าใกล้ความ Hi-touch มากขึ้น การพัฒนาอยากให้ลองติดตามและศึกษาดูว่า ในอนาคตเราจะมีบลูปรินท์อย่างไรในธุรกิจเรา ตอนนี้เทคโนโลยีอาจจะแพงในช่วงเริ่มต้น แต่อีกไม่เกินหนึ่งปี ทุกอย่างจะราคาจับต้องได้กลายเป็นสิ่งธรรมดา ใครที่ได้เปรียบตรงนี้ก็จะได้น่านน้ำใหม่ๆ ได้ตลาดใหม่ๆ คือการจับจองทาร์เก็ตใหม่ๆ ที่เยอะมากในอนาคต อยากให้เราลองติดตามดู จินตนาการตามดูว่าจะเป็นอย่างไร

 

คุณโป้ง ภุชงค์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วอยู่ที่มายเซ็ท เราต้องมีรากความคิดที่เป็น Growth Mindset ที่เชื่อว่าพัฒนาได้ เราเปิดรับข้อมูลใหม่ๆ ตลอดเวลา แม้เป็นเรื่องที่เราไม่คุ้นชิน ฟังแล้วแทนที่จะต่อต้าน เรามาทำความเข้าใจเพิ่มสักนิด ซึ่งปัจจุบันช่องทางการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ มีมาก มีเรื่องอะไรเราสนใจ เราทำความเข้าใจ รากความคิดตรงนี้จะทำให้เราเข้าใจและนำเทคโนโลยี 

การนำไปใช้ขึ้นอยู่ที่เราทำอะไร เช่น เราทำธุรกิจแอมเวย์ เราเป็นกลุ่มคน มีกลุ่มธุรกิจ มีเซนเตอร์ การใช้เทคโนโลยีทำให้เราเข้าถึงสมาชิกของกลุ่มได้มากกว่าคนอื่น เป็นจุดได้เปรียบ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีพวกนี้อยู่แล้ว  ถ้าเราเป็นกลุ่มองค์กรที่รองรับเทคโนโลยี ผู้นำเป็นคนทันสมัยเข้าใจเทคโนโลยี คนรุ่นใหม่เข้ามาก็ปลั๊กอินในกลุ่มได้ง่าย ดังนั้นการทำธุรกิจแอมเวย์การรู้เข้าใจเทคโนโลยีเป็นสิ่งได้เปรียบมาก ถ้าเราใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือดีๆ สามารถทุ่นแรงทุ่นเวลาได้มาก  

ตอนนี้เราใช้ Zoom ที่เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์ค แค่องค์กรของทุกคนเปลี่ยนมาใช้ Zoom การทำธุรกิจก็ง่ายขึ้น การไลฟ์สดเข้าถึงคนทั่วประเทศ หรือบางคนทำได้ทั่วโลกเลย การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ยิ่งล้ำมากๆ การเข้าสู่ชีวิตประจำวันของผู้คนทำได้มากขึ้นรับข้อมูลได้ง่ายขึ้น หรือการมีกิจการอื่นที่ควบคู่แอมเวย์ก็ได้เปรียบมาก ตอนที่เฟสบุคเปิดขึ้นมาใหม่ๆ มีคนกลุ่มแรกๆ มาเปิดร้านในเฟสบุค คนเปิดร้านก่อนก็ได้เปรียบกว่า พอคนค้นหาอะไรก็จะเจอ มีโอกาสที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้ไวกว่า ดังนั้นการทำธุรกิจ การที่เราศึกษาเทรนด์ ศึกษาเทคโนโลยีอย่าไปคิดว่าแพง นี่เราลงทุนแค่ทรัพย์สินทางปัญญา ความรู้ที่เพิ่มขึ้นและอาจมีอุปกรณ์เพิ่มเติมแค่ไม่กี่ชิ้น ก็ทำให้เราสามารถแย่งชิงพื้นที่ในการทำธุรกิจได้ไวกว่าคนอื่น

เรื่องของ METAVERSE จะเร็วมากๆ หากเรามีร้านค้า METAVERSE ที่เปิดเป็นพันร้านแรกในไทย คุณอาจจะเปลี่ยนชีวิตเปลี่ยนธุรกิจคุณให้ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วเลย เพราะคนรุ่นใหม่ที่ใช้ METAVERSE ก็จะเห็นแต่คุณก่อน ถ้าคุณเป็นคนที่มี Fix Mindset เข้าไปช้าก็จะเสียโอกาสทางการตลาด ในธุรกิจทั่วไปเป็นธุรกิจของความไว ใครสามารถเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นก่อนก็เป็นจุดได้เปรียบ ถ้าคุณทำงานประจำ การที่เรารู้เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ เราสามารถปรับตัวปรับความคิดของเราได้ดีกว่า  แสดงความคิดเห็นและพัฒนาองค์กรได้เร็ว หากคุณเป็นผู้บริหารที่มีแนวคิดแบบนี้ ก็สามารถปรับองค์กรได้ดีมาก 

ผมได้ข่าวว่า TRUE กำลังจะเข้ามาเทคโอเวอร์ DTAC ในยุโรป ฉะนั้นระบบการสื่อสารเค้ารู้ว่าเล็กๆอยู่ไม่รอด ต้องรวมกันให้ใหญ่ เพราะระบบสื่อสารธรรมดาไม่สามารถสู้ระบบ METAVERSE ได้ เพราะ METAVERSE ไม่ต้องใช้คลื่นโทรศัพท์ บริษัทสื่อสารจึงต้องพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตให้ไว จึงต้องรวมกันให้ใหญ่พอ จะเห็นว่าบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกยังต้องเปลี่ยนแปลง แล้วเราคนตัวเล็กๆ จะไม่ปรับตัวได้อย่างไร 

 

ช่วงท้าย FTC จะปรับตัวอย่างไรก่อนเข้าสู่ยุค METAVERSE 

คุณหมอวัชรา กล่าวว่า ผมได้รับคำถามจากสมาชิก FTC ว่าทาง FTC จะเตรียมตัวสำหรับความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร ผมไม่ค่อยห่วงกระบวนการของ FTC แต่ผมห่วงกระบวนการของทั้งระบบสหกรณ์มากกว่า เพราะบางสหกรณ์ยังใช้ระบบลงบัญชีด้วยมืออยู่ พนักงานของสหกรณ์แรกๆ ไม่ได้ปรับตัวเรื่องคอมพิวเตอร์ ผมเคยบอกในที่ประชุมว่า ใครที่ไม่มีทักษะคอมพิวเตอร์ไม่น่าจะมีงานทำ พนักงานจึงต้องเปลี่ยน ซึ่งโชคดีที่ฝ่ายกรรมการเรามีคนอย่างคุณสุวิทย์ คุณภุชงค์ คุณสุท ที่คอยอัพเดทตัวเองตลอดเวลา เราคุยกันเรื่อง Digital Currency ในขณะที่คนยังไม่รู้จัก Digital Currency แต่โลกดิจิตอลเค้ามีธนาคารดิจิตอล มีโรงรับจำนำดิจิตอล มีสินทรัพย์ดิจิตอล รอไว้แล้ว ซึ่งเมื่อไรก็ตามที่กลไกของรัฐเปิด ผมไม่ห่วง FTC เรานำหน้าได้อยู่แล้ว เพียงแต่กฎหมายบางอย่างยังไม่เปิด เช่น เรารับเงินเป็น Digital Currency ได้มั้ย ตอนนี้ยังไม่ได้ ถ้ากลางปีหน้ามีดิจิตอลบาท แล้วกฎหมายรองรับ ทาง FTC พร้อมทันทีที่เราจะรับดิจิตอลบาท 

เราไม่ได้อยากพูดถึง METAVERSE แค่ให้เราดูดีขึ้น แต่เรามองว่าเราจะหากินกับ METAVERSE อย่างไร  ที่เห็นตอนนี้ธุรกิจที่เปลี่ยนไปมากๆ ก็มีธุรกิจเกม กับเอนเตอร์เทนเมนท์ที่เป็นกำเนิดของ METAVERSE ธุรกิจที่สองที่ต้องเปลี่ยนคือธุรกิจค้าปลีก ที่เราสามารถจะเอาอวตาร์ของเราไปลองสูท ลองเสื้อผ้ารองเท้าได้  ถัดมาคือธุรกิจสุขภาพ ถ้าเราประสบอุบัติเหตุทำ CT SCAN ค่าตัวหมอในอเมริกาแพงมาก คนอ่าน CT SCAN อยู่ที่อินเดีย ส่วนคนที่ผ่าตัดจริงๆ อาจจะอยู่ในอเมริกา การแพทย์ที่เราได้มากๆ คือ Tele- Medecine ที่ต่อไปเราอาจไม่จำเป็นต้องไปต่อคิวที่รพ.ตอนเช้าๆ อาจจะมีอุปกรณ์บางอย่างที่ใช้เชื่อมต่อกับ IOT (Internet of Things) ที่รพ. หมออาจจะอ่านค่าน้ำตาลในเลือดผ่านม่านตาของเราแล้วจ่ายยาเลย หรือการผ่าตัดทางไกลมีมานานแล้ว ปัจจุบันมีการพัฒนาอุปกรณ์ให้ทันสมัยขึ้น 

ธุรกิจทัวร์ ธุรกิจจัดประชุมก็ต้องเปลี่ยนหมด ถ้าแอมเวย์จะจัดฉลอง A70 ก็ต้องเสียเงินค่าเดินทางจัดประชุมให้วิทยากรและผู้นำ 3,000-4,000 คนเข้าร่วมแพงมาก และผู้นำระดับสูงๆ ถ้าเดินทางก็เหนื่อยด้วย แอมเวย์อาจจะแจกแว่นให้ผู้นำคนละอันเพื่อเข้าร่วม ธุรกิจทัวร์ก็จะเปลี่ยน คุณสามารถซื้อทัวร์ราคาถูกที่ให้ดาวน์โหลดแอพและใส่แว่นดู สำหรับคนที่ชอบดูอะไรชิลๆ ไม่ชอบผจญภัย หรือแบบสี่มิติที่ผมใส่แว่นตาขี่จักรยานที่อเมริกา ที่เราได้รับความรู้สึกเหมือนมาก พอควบคุมไม่ได้รถเราล้ม แต่เราโชคดีที่เราไม่มีรอยฟกช้ำดำเขียวจริงๆ เราสามารถไปดวงจันทร์ในเวลา 15-30 นาที ถ้าเราสามารถซื้อตั๋วไปดวงจันทร์ด้วยโลก METAVERSE ได้ เชื่อว่าใครๆ ก็ทำ ผมเคยไปนั่งยานอวกาศใน Universal Studio หลายครั้งแล้ว เราเหมือนทะลุออกไปในอวกาศจริงๆ 

 

คุณสุท นิพิฐพนธ์ ฝากข้อคิดว่า  อยากให้เราเอนจอยกับสิ่งใหม่ที่กำลังจะเข้ามา ในชีวิตมากกว่าความกังวล เพราะคลื่น METAVERSE ลูกนี้ต้องเข้ามาแน่นอนอยู่แล้ว ให้คิดว่าสิ่งที่เข้ามาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว และเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน แล้วเราจะได้ทั้งประโยชน์และมีความสุขกับ METAVERSE ที่จะเข้ามาในชีวิตเรา

 

คุณโป้ง ภุชงค์ กล่าวว่า  ทุกอย่างต้องใช้เงิน ไม่ว่าเป็นเงินในโลกเสมือนและโลกจริง สิ่งที่ต้องทำคือการที่เราต้องมีเงิน เรื่องเทคโนโลยีก็เป็นเรื่องน่าสนุกที่ต้องติดตาม แต่ก็ต้องใช้เงิน การที่เราอยากจะมีชีวิตที่มีความปลอดภัยมั่นคง มีไลฟ์สไตล์ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน ดังนั้นเราต้องทำเงินและออมเงิน การสร้างเงิน หากเรามีพอดีก็ต้องโฟกัสที่จะขยันให้มีเพิ่ม การออมเงินไว้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้เราสามารถออมเงินในสหกรณ์ก่อนได้ หากกฎหมายเอื้ออำนวยแก่เราทาง FTC ก็พร้อมที่จะเป็นผู้นำสหกรณ์สู่โลกเทคโนโลยีดิจิตอล สามารถให้ท่านมีเงินออมทั้งในโลกจริงและในโลกดิจิตอลได้ ตอนนี้อยากฝากให้ทุกท่านทำเงินเยอะๆ และออมเงินเยอะๆ 

 

คุณสุวิทย์ กล่าวสรุปว่า การทำงานไม่มีทำงานเสมือน เราต้องมีการทำงานทางกายภาพจริงจึงได้รับเงินจริง ฉะนั้นความสุขที่ได้รับจากการทำงานต้องเกิดจากผลสำเร็จในการทำงานจริง ถ้าเราคิดว่าเรามีความสุขจากการคิดฝันโดยไม่ได้ทำอะไรเลยนี่เป็นการหลอกตัวเอง ทุกวันนี้การที่เราไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรปลอม อาจทำให้เราหนีจากความเครียด จากโลกในปัจจุบันที่ไม่ได้ดั่งใจไปอยู่ในโลกเสมือน ชีวิตยังต้องหายใจต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ต้องอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่เป็นจริงต้องอาศัยสายสัมพันธ์ที่ดีของสมาชิกทุกท่าน ร่วมกันสร้างสรรค์ FTC ของเราให้เจริญเติบโต และสร้างธุรกิจส่วนตัวของเราให้เจริญเติบโต เราก็จะมีความสุข

 

ของฝากจาก FTC แอปพลิเคชั่น FTC และโครงการเพื่อนชวนเพื่อน โดย คุณโอ สุพัตรา

    ตอนนี้ทาง FTC มีแอปพลิเคชั่นใหม่ CoOp Network  ที่สามารถทำธุรกรรมผ่านมือถือได้ โดยถอนเงิน โอนเงิน และรับเงินกู้ ข้อมูลการทำธุรกรรมจะเข้าบัญชีของท่าน โดยไม่ต้องมาถอนเงินที่สหกรณ์ มี 2 ขั้นตอนเพียง ง่ายๆ  1)ลงทะเบียน 2)ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น และตอนนี้สามารถสมัครสมาชิกออนไลน์ได้ โดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มทางเว็บไซท์ และส่งเอกสารทางไปรษณีย์มาที่ FTC  สำนักงานใหญ่ เมื่อ FTC ได้รับเอกสารตรวจข้อมูลเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อให้ท่านมายืนยันตัวตนอีกครั้ง

ข่าวดี สำหรับโครงการเพื่อนชวนเพื่อน ขยายเวลาถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2564  ท่านสามารถแนะนำเพื่อนมาสมัครสมาชิก FTC ครบสามคน ผู้แนะนำจะได้รับหุ้นเพิ่ม 600 บาท

เพื่อสิทธิประโยชน์ของสมาชิก ท่านต้องชำระเงินกู้และการออมเงินทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน ก่อนเวลา 16.30 น. หากทำเรื่องตัดบัญชีธนาคารต้องนำเงินเข้าบัญชีภายในวันที่ 14 ก่อนเวลา 17.00 น. หากไม่ทันรอบแรกให้นำเงินเข้าอีกครั้งก่อนวันที่  18 ของทุกเดือนเพื่อประโยชน์ของท่านสมาชิกทุกท่าน

 

ช่วงท้าย ตกผลึกความคิดจากผู้รู้

วันนี้เราได้รับฟังแนวคิดสุดล้ำพร้อมมุมมองเกี่ยวกับ METAVERSE จักรวาลที่เหนือกว่า จากผู้รู้ทุกท่าน เพื่อนๆ สามารถนำหลายประเด็นมาขบคิดเพื่อเตรียมตนเองและธุรกิจให้พร้อม สู่การเปิดรับโลกใบใหม่เสมือนจริงอันน่าตื่นเต้นในอนาคตอันใกล้นี้

1. ปรับทัศนคติสู่ Growth Mindset พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ และเปลี่ยนแปลงตนเองตลอดเวลา

2. รักษาความสนุกตื่นเต้นในจิตใจเอาไว้เมื่อพบสิ่งใหม่ 

3. ติดตามข่าวสารและอัพเดทความรู้ทางเทคโนโลยีจากแหล่งความรู้ต่างๆ อยู่เสมอ 

4. เตรียมความพร้อมด้านการเงินและการออม เพื่อรองรับเทคโนโลยีต่างๆ ในอนาคต

5. เกาะติดเทรนด์ธุรกิจใหม่ๆ จากบริษัทและพูดคุยกับผู้รู้ในวงการต่างๆ เพื่อไม่พลาดโอกาสดีๆ 

 

เพื่อนๆ สามารถติดตามอัพเดทสาระดีๆ ทางการเงินจากผู้รอบรู้ได้ทาง  FTC Channel ทุกวันเสาร์เวลา 10.00-11.00 น.  สำหรับท่านที่ชอบอ่านเรามีบทความสรุปประเด็นแต่ละสัปดาห์ทางเว็บไซท์ FTC  อย่าลืมติดตามกันนะ